เมนู

เกินไป ย่อมกลัวร้อน ความเพียรย่อมไม่สำเร็จผลแก่ภิกษุเหล่านั้น (แต่)
ย่อมสำเร็จผลแก่ภิกษุผู้มีไฟธาตุปานกลาง. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงตรัสว่า เป็นปานกลางเหมาะแก่ความเพียร. บทว่า ยถาภูตํ อตฺตานํ
อาวิกตฺตา
คือ ประกาศคุณของตนตามความเป็นจริง. บทว่า อุทยตฺถ-
คามินิยา
คือ ที่สามารถจะถึง คือกำหนดรู้ความเกิดและความดับ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสอุทยพยญาณที่กำหนดรู้ลักษณะ 50 ประการ ด้วยบทนี้ . บทว่า
อริยาย คือ บริสุทธิ์. บทว่า นิพฺเพธิกาย คือ ที่สามารถชำแรกกองกิเลส
มีกองโลภเป็นต้น ที่คนยังมิเคยชำแรก. บทว่า สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา
คือ ที่ให้ถึงความสิ้นทุกข์ซึ่งสิ้นไป เพราะละกิเลสทั้งหลายได้ด้วยอำนาจ
ตทังคปหาน [ละชั่วคราว]. ด้วยบทเหล่านี้แม้ทั้งหมด พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสเฉพาะวิปัสสนาปัญญาเท่านั้น ด้วยประการฉะนี้ เพราะความเพียรย่อมไม่
สำเร็จผลแก่คนผู้มีปัญญาทราม.
จบอรรถกถาอังคสูตรที่ 3

4. สมยสูตร


ว่าด้วยสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร 5


[54] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร 5 ประการนี้
5 ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นคนแก่ ถูกชราครอบงำ
นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 1
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้อาพาธ ถูกพยาธิครอบงำ นี้เป็นสมัยที่
ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 2

อีกประการหนึ่ง สมัยที่มีข้าวแพง ข้าวเสียหาย มีบิณฑบาตหาได้ยาก
ไม่สะดวกที่จะยังอัตภาพให้เป็นไปได้ด้วยการแสวงหาบิณฑบาต นี้เป็นสมัยที่
ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 3
อีกประการหนึ่ง สมัยที่มีภัย มีความกำเริบในป่าดง ชาวชนบทพากัน
ขึ้นยานพาหนะอพยพไป นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 4
อีกประการหนึ่ง สมัยที่สงฆ์แตกกัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อสงฆ์
แตกกันแล้ว ย่อมมีการด่ากันและกัน บริภาษกันและกัน มีการใส่ร้ายกัน
และกัน มีการทอดทิ้งกันและกัน คนผู้ไม่เลื่อมใสในสงฆ์หมู่นั้นย่อมไม่เลื่อมใส
และคนบางพวกที่เลื่อมใสย่อมเป็นอย่างอื่นไป นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร
ข้อที่ 5 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร 5 ประการนี้แล.

ว่าด้วยสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียร 5


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ควรบำเพ็ญเพียร 5 ประการนี้ 5 ประการ
เป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นหนุ่มแน่น มีผมดำสนิท ประกอบ
ด้วยความเป็นหนุ่ม ตั้งอยู่ในปฐมวัย นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 1
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคเบาบาง ประกอบ
ด้วยไฟธาตุที่เผาอาหารให้ย่อยสม่ำเสมอ ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก เป็นปานกลาง
ควรแก่การบำเพ็ญเพียร นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 2
อีกประการหนึ่ง สมัยที่ข้าวถูก ข้าวดี มีบิณฑบาตหาได้ง่าย สะดวก
ที่จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการแสวงหาบิณฑบาต นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญ
เพียรข้อที่ 3
อีกประการหนึ่ง สมัยที่พวกมนุษย์พร้อมเพรียงกัน [สามัคคีกัน]
ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ มองดูกันและกันด้วยจักษุ
ที่ประกอบด้วยความรัก นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ 4